แชร์

อาการของโรคไอกรน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

โรคไอกรน (Pertussis) หรือ "ไอร้อยวัน" เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่มักพบในเด็กเล็ก
หากไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน โรคนี้อาจรุนแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูกน้อยอย่างมาก การเข้าใจอาการของโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่มสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

ระยะของอาการไอกรน

1. ระยะเริ่มต้น (1-2 สัปดาห์แรก) อาการในระยะนี้อาจคล้ายไข้หวัดธรรมดา ได้แก่:

o มีไข้ต่ำ

o น้ำมูกไหล

o ไอเล็กน้อย

o เบื่ออาหาร

ข้อควรระวัง: ผู้ปกครองมักมองข้ามอาการเหล่านี้ เพราะดูไม่รุนแรง แต่หากปล่อยไว้อาจเข้าสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น

2. ระยะไอรุนแรง (2-4 สัปดาห์)

o ไอเป็นชุดติดกัน (10-15 ครั้งในลมหายใจเดียว)

o มีเสียง "วู้ป" (Whooping) ตอนหายใจเข้า

o อาจมีอาการอาเจียนหลังจากไอ

o ใบหน้าแดงหรือเขียวคล้ำจากการไออย่างรุนแรง

สำคัญ: ในเด็กเล็ก อาการนี้อาจทำให้ขาดออกซิเจน ส่งผลต่อสมองหรืออวัยวะสำคัญได้

3. ระยะฟื้นตัว (3-4 สัปดาห์หรือมากกว่า)

o อาการไอเริ่มลดลง

o ร่างกายค่อยๆ กลับมาแข็งแรง แต่อาจยังมีอาการอ่อนเพลีย

ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องเฝ้าระวัง

o ในเด็กเล็ก: ภาวะขาดออกซิเจน อาการชัก หรือสมองได้รับผลกระทบ

o ในเด็กโตและผู้ใหญ่: การติดเชื้อเพิ่มเติมในปอด หรือซี่โครงร้าวจากการไอรุนแรง

การป้องกันและดูแลลูกน้อย

o วัคซีนป้องกันไอกรน:

- ให้ลูกน้อยได้รับวัคซีน DTP (คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก) ตามกำหนดตั้งแต่อายุ 2 เดือน และฉีดกระตุ้นตามคำแนะนำของแพทย์

- ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเด็กเล็ก ควรตรวจสอบสถานะวัคซีนของตนเอง

o หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ:

- ไม่ให้ลูกน้อยอยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอาการไอเรื้อรัง

- หมั่นล้างมือและรักษาความสะอาดรอบตัวเด็ก

o พบแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าเป็นไอกรน:

- หากลูกมีอาการไอต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ หรือมีลักษณะไอรุนแรง ควรพามาพบแพทย์ทันที

คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง

อย่าละเลยอาการไอในเด็ก โดยเฉพาะไอเรื้อรังหรือไอรุนแรง โรคไอกรนสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน และรักษาได้หากได้รับการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ การใส่ใจสุขภาพของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พวกเขาเติบโตแข็งแรงและปลอดภัยจากโรคที่ป้องกันได้

 

คุณหมอแนะนำ

ติดตามเรา

ห้องแชทสอบถามข้อมูล
10 ธันวาคม 2567